Movie Review and Storyline: Ford v Ferrari (2019)

รีวิวหนัง Ford v Ferrari (2019) ใหญ่ชนยักษ์ ซิ่งทะลุไมล์


Movie Review and Storyline: Ford v Ferrari (2019)



ข้อมูลหนัง


ประเภทหนัง:  สารคดี, มอเตอร์สปอร์ด, แอคชัน, ชีวประวัติ, ดรามา และสปอร์ต


ผู้กำกับ:  James Mangold


นักเขียน:  Jez Butterworth, John-Henry Butterworth และ Jason Keller


นักแสดงนำ:  Matt Damon, Christian Bale และ Jon Bernthal





เรื่องย่อ


Ford v Ferrari (2019) ใหญ่ชนยักษ์ ซิ่งทะลุไมล์ เรื่องราวในปี 1963 Lee Iacocca รองประธานของบริษัท Ford Motor Company ได้เสนอแนวคิดให้กับ Henry Ford II ว่าควรจะซื้อ Ferrari เพื่อต่อสู้กับคู่แข่งในตลาดรถสปอร์ตและกระตุ้นยอดขายของ Ford โดยเฉพาะในสนามแข่งขัน 24 Hours of Le Mans ซึ่ง Ferrari ถือเป็นผู้ครองบัลลังก์ในการแข่งขันนี้ เจ้าของ Ferrari, Enzo Ferrari, ใช้ข้อเสนอของ Ford เป็นข้ออ้างในการทำข้อตกลงกับ Fiat เพื่อให้เขายังคงสามารถควบคุมและเป็นเจ้าของทีมแข่ง Scuderia Ferrari ต่อไปในขณะที่ดูถูก Ford และบริษัทของเขาไปในตัว ซึ่งทำให้ Ford รู้สึกอับอายและตัดสินใจที่จะสร้างรถที่สามารถเอาชนะ Ferrari ที่ Le Mans ได้

 

เหตุการณ์นี้เป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนา Ford GT40 ซึ่งได้รับการออกแบบเพื่อเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Ferrari ในการแข่งที่ Le Mans โดย Lee Iacocca จึงได้ร่วมมือกับ Carroll Shelby เจ้าของและนักแข่งรถอเมริกันผู้มีชื่อเสียง เขาคืออดีตนักแข่งที่เคยชนะ Le Mans ในปี 1959 และได้ร่วมงานกับ Ken Miles นักแข่งรถชาวอังกฤษที่มีบุคลิกที่ร้อนแรงและเป็นวิศวกรเครื่องกลที่มีความสามารถสูง รับชมหนังออนไลน์ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ไม่ต้องสมัครสมาชิกให้ยุ่งยาก ได้แล้ววันนี้

 

Shelby และ Miles ร่วมมือกันในการพัฒนา Ford GT40 Mk I ซึ่งเป็นต้นแบบที่มีการสร้างขึ้นในสหราชอาณาจักร ในช่วงที่มีการเปิดตัว Ford Mustang ใหม่ โดยในช่วงนี้ Miles ได้มีโอกาสให้ Leo Beebe รองประธานอาวุโสของ Ford ประเมินรถรุ่นนี้ แต่ Beebe กลับมีปฏิกิริยาที่ไม่พอใจและวิจารณ์รถอย่างหยาบคาย ถึงแม้จะมีความคาดหวังสูงจาก Iacocca ในการทำให้ Ford สามารถแข่งขันกับ Ferrari ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ Beebe กลับพยายามต่อต้านและไม่เห็นด้วยกับการที่ Miles จะไปแข่งขันที่ Le Mans ในเวลานั้น โดยมองว่าเป็นภาระด้านประชาสัมพันธ์และความเสี่ยง

 

Shelby ซึ่งไม่ค่อยพอใจนักกับการกระทำของ Beebe ยังตัดสินใจที่จะส่ง Phil Hill และ Bruce McLaren ไปแข่งขันที่ Le Mans แทน Miles ในการแข่งขันครั้งนั้น รถ Ford ที่ส่งไปยัง Le Mans ก็ไม่สามารถจบการแข่งขันได้สำเร็จ แต่ในขณะเดียวกัน Shelby ก็ได้อธิบายให้ Ford ฟังว่า แม้รถ GT40 ในตอนนั้นจะมีปัญหาด้านความน่าเชื่อถือ แต่มันก็ทำให้ Enzo Ferrari เริ่มรู้สึกถึงการถูกท้าทายอย่างจริงจัง ด้วยการวิ่งถึงความเร็วสูงสุด 218 ไมล์ต่อชั่วโมง (350.8 กม./ชม.) ในช่วงทดสอบที่ทางตรง Mulsanne แม้ว่า GT40 จะพังเสียหาย แต่ก็เป็นการส่งสัญญาณให้ Ferrari เริ่มหวาดกลัว

 

Ford จึงให้คำสั่งให้ Shelby และทีมแข่งดำเนินโครงการพัฒนา GT40 ต่อไป โดยให้ Shelby รายงานผลตรงต่อเขาเอง โดยในระหว่างการทดสอบ GT40 Mk II ปัญหาจากการเบรกเฟด (brake fade) ที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำให้เกิดการชนและไฟไหม้ แต่ Ken Miles รอดชีวิตมาได้ และทีมก็เริ่มตระหนักว่ากฎระเบียบของการแข่งขันนั้นอนุญาตให้เปลี่ยนชุดเบรกทั้งหมดระหว่างการแข่งขัน ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญที่ทำให้พวกเขาสามารถพัฒนารถแข่งให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นในการแข่งขัน

 

ในปี 1966 Beebe ได้เข้ามารับผิดชอบในการดูแลแผนกแข่งรถของ Ford และได้เดินทางมายังสนามแข่งเพื่อประเมินสถานการณ์โปรแกรมการแข่งขัน GT40 เมื่อถึงเวลา Beebe และ Ford ได้ไปเยี่ยมที่สำนักงานของ Shelby ซึ่ง Shelby ได้ขัง Beebe ไว้ในห้องและให้ Ford ขับรถ GT40 ไปดูให้เห็นว่าเครื่องยนต์และระบบต่างๆ ของรถนั้นดีเพียงใด Shelby ทำข้อตกลงกับ Ford ว่าหาก Ken Miles สามารถชนะการแข่งขัน 24 Hours of Daytona ได้ เขาจะได้รับสิทธิ์ลงแข่งที่ Le Mans แต่หากไม่สามารถทำได้ Ford จะเป็นเจ้าของ Shelby American โดยสมบูรณ์ ในการแข่งขัน Daytona International Speedway ทีมของ Shelby สามารถคว้าแชมป์ได้สำเร็จ โดย Miles แซงหน้า Phil Hill ไปในที่สุด

 

ในครั้งต่อไปที่ Le Mans, Ken Miles ต้องเผชิญกับปัญหาประตูที่ชำรุดในรอบแรก ซึ่งทำให้ทีมงานต้องซ่อมแซมก่อนที่เขาจะกลับมาทำลายสถิติรอบสนามและแซง Ferrari GT40 ไปอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อเขากำลังแข่งขันกับ Ferrari 330 P3 ของ Lorenzo Bandini ซึ่งเป็นต้นแบบที่น่าทึ่งของ Ferrari ระบบเบรกของ Miles เกิดเฟดอีกครั้ง ทำให้เขาต้องเข้าไปในพิตเพื่อเปลี่ยนระบบเบรกทั้งหมด โดยที่ Ferrari คัดค้านและประท้วงการเปลี่ยนเบรก แต่ Shelby รับรองกับเจ้าหน้าที่การแข่งขันว่าการเปลี่ยนระบบเบรกเป็นไปตามกฎ

 

ไมล์สและบันดินี่ได้ดวลกันในช่วงทางตรง Mulsanne จนกระทั่งเฟอร์รารี่เสียหลักและบันดินี่ต้องออกจากการแข่งขัน ซึ่งทำให้ Ford เข้าไปอยู่ในอันดับสามของการแข่งขัน Beebe สั่งให้ Shelby ชะลอความเร็วของ Miles เพื่อให้รถของ Ford คันอื่นสามารถตามทัน และยังให้แสดงภาพสวยๆ ให้สื่อมวลชนเห็นว่า Ford สามารถนำทีมแข่งที่มาเป็นอันดับต้นๆ แต่ Shelby แจ้งให้ Miles ทราบถึงคำสั่งนี้ แม้ว่าในตอนแรก Miles จะยังคงสร้างสถิติใหม่ต่อรอบ แต่เขาก็ยอมทำตามคำสั่งในรอบสุดท้าย โดยในการแข่งขันครั้งนี้ Bruce McLaren เป็นผู้ที่ได้ครองแชมป์ เนื่องจากเขาออกสตาร์ทหลัง Miles แต่สามารถทำระยะทางได้ไกลขึ้น

 

หลังจากการแข่งขัน, Shelby ได้ตำหนิ Beebe ว่าเขาจงใจทำให้ Miles เสียชัยชนะ แต่ Miles กลับพูดอย่างมองโลกในแง่ดีว่า คุณสัญญาว่าจะขับให้ฉัน ไม่ใช่ชนะ และในช่วงท้ายของการแข่งขัน เมื่อ Enzo Ferrari เห็น Ken Miles ขับรถผ่านก็ได้ถอดหมวกให้กับเขาในสนาม ทั้งสองเดินออกจากสนามไปพร้อมกัน เชลบีบอกกับไมล์สว่าในครั้งหน้าพวกเขาจะคว้าชัยชนะที่ Le Mans ได้อย่างแน่นอน

 

สองเดือนต่อมา ระหว่างการทดสอบที่สนาม Riverside International Raceway รถ J-car ที่ Shelby ใช้ทดสอบเกิดขัดข้องทางกลไกจนทำให้ Miles เสียชีวิตจากการชนอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ทุกคนในทีมแข่ง Shelby สูญเสียเพื่อนร่วมงานที่ยอดเยี่ยมไป หลังจากนั้น Shelby ได้ไปที่บ้านของ Molly ภรรยาม่ายของ Miles และได้ให้ประแจที่ Miles เคยขว้างใส่เขาด้วยความโกรธมาเป็นของที่ระลึกกับ Peter ลูกชายของ Miles ในตอนท้ายของเรื่อง บทส่งท้ายเผยให้เห็นว่า Ford ยังคงครองความสำเร็จใน Le Mans ต่อเนื่องไปจนถึงปี 1967, 1968 และ 1969 โดยไม่แพ้ใคร ในขณะที่ Ken Miles ได้รับการบรรจุเข้า Hall of Fame ของมอเตอร์สปอร์ตแห่งสหรัฐอเมริกาหลังจากการจากไปของเขาในปี 2001



ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์


 Ford v Ferrari (2019) ใหญ่ชนยักษ์ ซิ่งทะลุไมล์ เป็นหนังแข่งรถที่ไม่เพียงแต่จะนำเสนอเรื่องราวของการแข่งขันในสนาม Le Mans แต่ยังสะท้อนถึงการต่อสู้ทางจิตวิทยาและความเชื่อในศักยภาพของมนุษย์ หนังเรื่องนี้เต็มไปด้วยฉากดราม่าที่น่าตื่นเต้นและมีการเล่าเรื่องย้อนยุคที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในช่วงต้นทศวรรษ 1960 ช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมยานยนต์ กำกับโดย เจมส์ แมงโกลด์ และมีการแสดงที่ทรงพลังจาก คริสเตียน เบล และ แมตต์ เดมอน สองนักแสดงนำชายที่นำเสนอความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนของตัวละครอย่างเชลบีและไมล์สได้อย่างสมบูรณ์แบบ

 

เรื่องราวของการแสวงหาความยิ่งใหญ่ หนังเริ่มต้นด้วยการพาคุณย้อนกลับไปในยุคที่ เฮนรี่ ฟอร์ดที่ 2 (รับบทโดย เทรซี่ เล็ตส์) ซึ่งเป็นผู้บริหารของ Ford Motor Company ไม่พอใจอย่างยิ่งกับการที่บริษัทของเขากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่ เขารู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังถูกขับเคลื่อนโดยบางสิ่งที่เขาควบคุมไม่ได้ และเพื่อที่จะกลับมายืนหยัดในฐานะผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์ เขาจึงตัดสินใจที่จะทำบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่เพื่อปฏิวัติวงการนี้ เขาได้รับคำแนะนำจาก ลี ไออาค็อกคา (รับบทโดย จอน เบิร์นธัล) นักบริหารหนุ่มที่มีวิสัยทัศน์ ที่เสนอแผนการที่จะซื้อบริษัท Ferrari ซึ่งถือเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในวงการมอเตอร์สปอร์ต และยังคงเป็นเจ้าแห่งสนามแข่ง 24 Hours of Le Mans มาหลายทศวรรษ

 

แต่ เอ็นโซ เฟอร์รารี (ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของ Ferrari) กลับปฏิเสธข้อเสนอของฟอร์ดอย่างเยือกเย็น พร้อมทั้งดูถูกฟอร์ดที่ 2 และส่งคำดูหมิ่นมาให้ไออาค็อกคา ซึ่งทำร้ายความภาคภูมิใจของฟอร์ดและผลักดันให้เขาตัดสินใจทุ่มทุนสร้างรถแข่งที่สามารถเอาชนะ Ferrari ในสนาม Le Mans และยิ่งไปกว่านั้น ฟอร์ดยังต้องการพิสูจน์ว่าบริษัทรถยนต์อเมริกันสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองได้

 

ตัวละครที่น่าจดจำ แครอล เชลบี (รับบทโดย แมตต์ เดมอน) คือหนึ่งในตัวละครที่โดดเด่นในเรื่องนี้ โดยเขาเคยเป็นนักแข่งระดับแชมป์ แต่เนื่องจากปัญหาสุขภาพที่ทำให้เขาต้องยุติอาชีพนักแข่ง เขาจึงหันไปทำงานในวงการการขายรถยนต์และการออกแบบรถแข่ง เชลบีเป็นผู้ที่มีวิสัยทัศน์ในการสร้างรถที่สามารถแข่งขันกับ Ferrari ได้ แต่ก็ต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมายในกระบวนการสร้างรถแข่งรุ่นใหม่ที่จะไปแข่งใน Le Mans

 

ในอีกด้านหนึ่ง เคน ไมล์ส (รับบทโดย คริสเตียน เบล) คือนักแข่งรถที่มีอารมณ์ร้อนและเป็นคนที่มีทัศนคติที่ตรงไปตรงมา ไมล์สเป็นคนที่มีความสามารถสูงแต่ก็มีความเชื่อมั่นในตัวเองมากเกินไป การร่วมงานกับเชลบีทำให้เขาต้องต่อสู้กับความท้าทายทั้งในและนอกสนามแข่ง โดยเฉพาะจากการต่อต้านของ ลีโอ บีบ (รับบทโดย จอช ลูคัส) ซึ่งเป็นผู้บริหารในแผนกแข่งของ Ford ที่ไม่เห็นด้วยกับการที่ไมล์สจะเป็นคนขับรถในการแข่งขันครั้งนี้ เพราะคิดว่าเขาเป็น คนมีปัญหา ที่ไม่เหมาะกับภาพลักษณ์ของ Ford

 

การสร้างรถแข่ง Ford GT40 จุดสำคัญในหนังคือการพัฒนารถแข่ง Ford GT40 ซึ่งเป็นรถที่ถูกออกแบบโดยเชลบีและทีมงานของเขาเพื่อจะเป็นคู่แข่งสำคัญของ Ferrari ในสนาม 24 Hours of Le Mans กระบวนการในการสร้างรถยนต์ที่มีประสิทธิภาพสูงนั้นเต็มไปด้วยอุปสรรค ทั้งจากด้านเทคนิคและการเมืองภายในองค์กร ฟอร์ดต้องการสร้างทีมแข่งที่สามารถเอาชนะ Ferrari ได้และนำบริษัทกลับมายิ่งใหญ่ในวงการรถยนต์ แต่ปัญหาคือการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างฟอร์ด, เชลบี และไมล์สที่ซับซ้อน ในฉากการแข่งขันที่เลอมังส์ ทั้งเชลบีและไมล์สต่างต้องเผชิญกับการตัดสินใจที่ยากลำบาก และต้องทุ่มเททุกอย่างในสนาม แม้ว่าเส้นทางจะเต็มไปด้วยอุปสรรคและการขัดแย้งกันภายในทีม แต่ความมุ่งมั่นของเชลบีและไมล์สทำให้พวกเขาต่อสู้จนถึงที่สุด

 

บทสนทนาและฉากแข่งรถที่น่าทึ่ง  Ford v Ferrari (2019) ใหญ่ชนยักษ์ ซิ่งทะลุไมล์ ใช้บทสนทนาที่เต็มไปด้วยมุกตลกและฉากการแข่งรถที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ทั้งสองนักแสดงนำสามารถถ่ายทอดอารมณ์ได้อย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะในฉากที่ต้องรับมือกับความเสี่ยงจากการแข่งขันรถที่อาจถึงแก่ชีวิต หนังถ่ายทอดความเร็วและความตื่นเต้นของการแข่งรถได้อย่างสมจริง โดยไม่เสียการรับรู้ถึงอันตรายที่เกิดขึ้นในสนาม การกำกับของแมงโกลด์ทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงความตึงเครียดและความเร่งรีบในการแข่งขัน รวมถึงการใช้มุมกล้องที่เหมาะสมและการเคลื่อนไหวของรถที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนอยู่ในสนามแข่งจริงๆ ทั้งเสียงเครื่องยนต์ที่ดังกึกก้องและภาพของรถที่วิ่งด้วยความเร็วสูง ทำให้ผู้ชมสัมผัสถึงความเร้าใจและอันตรายจากการแข่งขันได้อย่างดี

 

ความเศร้าในฉากสุดท้าย แม้ว่าหนังจะเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและมิตรภาพที่สร้างขึ้นในระหว่างการทำงานร่วมกันระหว่างเชลบีและไมล์ส แต่ท้ายที่สุดแล้ว เรื่องราวก็จบลงด้วยความเศร้า เมื่อไมล์สเสียชีวิตจากอุบัติเหตุในการทดสอบรถ ซึ่งเหตุการณ์นี้สร้างความเจ็บปวดให้กับทีมและทำให้เชลบีต้องเผชิญกับความสูญเสียที่ยากจะลืม  Ford v Ferrari (2019) ใหญ่ชนยักษ์ ซิ่งทะลุไมล์ เป็นหนังที่นอกจากจะมีเรื่องราวที่น่าสนใจและความตื่นเต้นจากการแข่งขันรถแล้ว ยังสะท้อนถึงความสำคัญของการมีวิสัยทัศน์และการต่อสู้เพื่อความฝัน แม้จะมีอุปสรรคมากมาย ทั้งการต่อต้านจากภายในและจากคู่แข่ง แต่ความมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายทำให้ทุกๆ ตัวละครในเรื่องสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ชมได้อย่างยอดเยี่ยม ติดตามเรื่องราวทั้งหมดของหนังได้ที่ mvhd24.com เต็มเรื่อง ไม่มีโฆษณาคั่น ภาพคมชัด ระดับ HD ได้แล้ววันนี้

 

#FordvFerrari  #mvhd24  #รีวิวหนัง  #MovieReview  #MovieSpoilers


 


กลับด้านบน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *